กระบวนการคิด
คือ รูปแบบของการคิดที่มีขั้นตอนของการคิดเป็นลำดับขั้น
ในแต่ละขั้นตอนของการคิดต้องใช้ทักษะการคิดหรือลักษณะการคิดหลาย ๆ แบบมาประกอบกัน
การคิดที่เป็นกระบวนการคิดมีอยู่หลายรูปแบบ ที่สำคัญ ได้แก่
1. การคิดริเริ่มสร้างสรรค์
(Creative Thinking)
2. การคิดอย่างมีวิจารณญาณ
(Critical Thinking)
3. การคิดตามกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
4. การคิดเลียนแบบอริยสัจ
5. การคิดทางคณิตศาสตร์
6. การคิดทางบริหารและการจัดการ
การคิดริเริ่มสร้างสรรค์ (Creative Thinking)
เป็นกระบวนการคิดที่ให้ผลของการคิดที่เป็นสิ่งแปลกใหม่ที่มีคุณค่า
มีประโยชน์ เช่น สิ่งประดิษฐ์แบบใหม่ วิธีดำเนินการแบบใหม่ กระบวนการผลิตใหม่
แนวคิดใหม่ ทางเลือกใหม่ เป็นต้น
การคิดอย่างมีวิจารณญาณ
(Critical Thinking)
เป็นกระบวนการคิดที่มีการพิจารณาไตร่ตรองและการใช้เหตุผล
เพื่อประกอบในการตัดสินใจหรือในการเลือก เช่น เลือกกระทำ หรือไม่กระทำ
ควรเชื่อหรือไม่เชื่อ เป็นต้น
การคิดตามกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เป็นกระบวนการคิดที่ใช้ในการคิดแก้ปัญหา
หรือแสวงหาความรู้ มีกระบวนการหรือขั้นตอนตามลำดับคือ ขั้นปัญหา ขั้นตั้งสมมติฐาน
ขั้นรวบรวมข้อมูล และขั้นสรุป ในแต่ละขั้นตอนของกระบวนการ
ต้องใช้ความคิดที่เป็นทักษะการคิด หรือลักษณะการคิดในหลาย ๆ แบบมาประกอบกัน
การคิดเลียนแบบอริยสัจ
เป็นการคิดที่เลียนแบบกระบวนการคิดของอริยสัจของพุทธศาสนาในอริยสัจ 4 ประกอบด้วย 2 ส่วน คือส่วนที่เป็นเนื้อหาซึ่งเป็นเรื่องที่เป็นความจริงที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของทุกคน
กับส่วนที่เป็นวิธีการแห่งปัญญา ซึ่งเป็นระบบที่แก้ไขปัญหาด้วยเหตุผล
เป็นระบบวิธีแบบอย่าง ซึ่งวิธีการแก้ปัญหาใด ๆ ก็ตามที่จะมีคุณค่า
และสมเหตุสมผลจะต้องดำเนินไปในแนวเดียวกันเช่นนี้ (พระราชวรมุนี
2528 : 112 - 113)
การคิดทางคณิตศาสตร์
เป็นการคิดในเรื่องของนามธรรมที่เกี่ยวข้องกับการใช้เหตุผลและมีระบบ มีลำดับขั้นตอนการคิด 4 ขั้นตอน คือ การระลึกได้ การคิดพื้นฐาน
การคิดวิเคราะห์ และการคิดสร้างสรรค์
คิดเป็น เป็นการคิดใคร่ครวญ ผสมผสาน และเชื่อมโยงข้อมูล 3 ด้าน คือ ข้อมูลด้านตนเอง ข้อมูลด้านสังคมสิ่งแวดล้อม และข้อมูลด้านวิชาการ โดยค้นให้พบเหตุบกพร่องของข้อมูล คาดเห็นผลและเติมเต็มข้อมูลที่บกพร่องนั้น เพื่อให้เกิดสมดุลระหว่างชีวิต สังคม สิ่งแวดล้อม และวิชาการ
สีชมพู แทนการคิดโดยอาศัยข้อมูลด้านตนเองด้านเดียว
สีเขียว แทนการคิดที่อาศัยข้อมูลด้านสังคมสิ่งแวดล้อมเพียงด้านเดียว
สีฟ้า แทนการคิดที่อาศัยข้อมูลด้านวิชาการเพียงด้านเดียว
สีเหลือง แทนการคิดที่อาศัยข้อมูลด้านตนเอง และด้านสังคมสิ่งแวดล้อม โดยไม่ได้คำนึงถึงข้อมูลทางด้านวิชาการ
สีฟ้าอ่อน แทนการคิดที่อาศัยข้อมูลด้านสังคมสิ่งแวดล้อม และด้านวิชาการ โดยไม่ได้คำนึงถึงข้อมูลด้านตนเอง
สีม่วง แทนการคิดที่อาศัยข้อมูลด้านตนเองและด้านวิชาการ โดยไม่ได้คำนึงถึงข้อมูลด้านสังคมสิ่งแวดล้อม
สีขาว แทนการคิดที่อาศัยข้อมูลครบทั้งสามด้าน ในวิถีการดำรงชีวิตในสังคม ซึ่งไม่มีคำตอบสำเร็จรูป ขึ้นอยู่กับตัวบุคคลที่สัมพันธ์กับสถานการณ์ของสังคม สิ่งแวดล้อม และวิชาการ สามารถคิด ตัดสินใจ สู่การปฏิบัติ จนกระทั่งเกิดความพอใจและพบความสุขตามหลักการ "คิดเป็น" ของ ดร.โกวิท วรพิพัฒน์
การจะ แก้ปัญหาได้จำเป็นต้องมีการวิเคราะห์ใคร่ครวญในการตัดสินใจเลือกแนวทาง ที่ดีที่สุดในการแก้ไขปัญหา การตัดสินใจแก้ไขปัญหาหรือในเรื่องต่าง ๆ นั้นอาจผิด หรือถูกก็ได้ ถ้าเรื่องหรือสิ่งต่าง ๆ ที่จะต้องตัดสินใจเป็นสิ่งที่ดี ที่ถูกต้องและนำข้อมูลที่ได้รับมา ประกอบการพิจารณาทำให้มีการตัดสินใจ ว่าสิ่งนั้นเรื่องนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้องนับว่าการตัดสินใจถูกต้อง แต่ถ้าตัดสินใจว่า ไม่ดีไม่ถูกต้องนับว่าเป็นการตัดสินที่ผิด ในทางตรงกันข้าม ถ้าเรื่องหรือสิ่งที่ ต้องตัด สินใจเป็นสิ่งที่ไม่ดีไม่ถูกต้อง มีข้อมูลประกอบการตัดสินใจ แล้วตัดสิน ใจว่าสิ่งนั้นไม่ดี ไม่ถูกต้องนับว่า การตัดสินใจถูก แต่ถ้ามีการตัดสินใจว่าสิ่งนั้น เรื่องนั้นดี ถูกต้อง นับว่าเป็นการตัดสินใจที่ผิด การตัดสิน ใจจึงมีผิดมีถูกได้ แต่แน่ละส่วนใหญ่ก็ต้องการเห็นการตัดสินใจที่ถูกมากกว่าการตัดสินใจที่ผิด
การตัดสินใจด้วยกระบวนการคิดเป็น จัดเป็นกระบวนการที่สำคัญที่จะช่วยให้การตัดสินใจ มีความถูกต้องมากที่สุด เพราะกระบวนการคิดเป็นนั้นเสนอแนะให้ใช้ข้อมูลหลายหลายด้านมาประกอบ การพิจารณาตัดสินใจ อย่างน้อยควรมีข้อมูล 3 ด้านด้วยกัน
1) ข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง
2) ข้อมูลเกี่ยวกับสังคมหรือสิ่งแวดล้อม
3) ข้อมูลเกี่ยวกับความรู้หรือวิชาการ
สีฟ้า แทนการคิดที่อาศัยข้อมูลด้านวิชาการเพียงด้านเดียว
สีเหลือง แทนการคิดที่อาศัยข้อมูลด้านตนเอง และด้านสังคมสิ่งแวดล้อม โดยไม่ได้คำนึงถึงข้อมูลทางด้านวิชาการ
สีฟ้าอ่อน แทนการคิดที่อาศัยข้อมูลด้านสังคมสิ่งแวดล้อม และด้านวิชาการ โดยไม่ได้คำนึงถึงข้อมูลด้านตนเอง
สีม่วง แทนการคิดที่อาศัยข้อมูลด้านตนเองและด้านวิชาการ โดยไม่ได้คำนึงถึงข้อมูลด้านสังคมสิ่งแวดล้อม
สีขาว แทนการคิดที่อาศัยข้อมูลครบทั้งสามด้าน ในวิถีการดำรงชีวิตในสังคม ซึ่งไม่มีคำตอบสำเร็จรูป ขึ้นอยู่กับตัวบุคคลที่สัมพันธ์กับสถานการณ์ของสังคม สิ่งแวดล้อม และวิชาการ สามารถคิด ตัดสินใจ สู่การปฏิบัติ จนกระทั่งเกิดความพอใจและพบความสุขตามหลักการ "คิดเป็น" ของ ดร.โกวิท วรพิพัฒน์
การตัดสินใจด้วยกระบวนการคิดเป็น จัดเป็นกระบวนการที่สำคัญที่จะช่วยให้การตัดสินใจ มีความถูกต้องมากที่สุด เพราะกระบวนการคิดเป็นนั้นเสนอแนะให้ใช้ข้อมูลหลายหลายด้านมาประกอบ การพิจารณาตัดสินใจ อย่างน้อยควรมีข้อมูล 3 ด้านด้วยกัน
1) ข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง
2) ข้อมูลเกี่ยวกับสังคมหรือสิ่งแวดล้อม
3) ข้อมูลเกี่ยวกับความรู้หรือวิชาการ
ข้อมูลทั้ง 3 ด้านนี้จะช่วยให้เกิดการวิเคราะห์พิจารณาที่ดีที่ถูกต้องมากกว่า การใช้แต่เพียง ข้อมูลแต่เพียงด้านใดด้านหนึ่งเท่านั้น ซึ่งปรกติมักจะตัดสินใจกันด้วยข้อมูลด้านเดียว ซึ่งอาจมีการ พิจารณาว่าเหมาะสมกับตนเองแล้ว เหมาะสมกับคนส่วนใหญ่แล้ว หรือเหมาะสมตามตำราหรือจากคำ แนะนำทางวิชาการแล้ว ซึ่งอาจก่อให้เกิดการตัดสินใจที่ผิดพลาดขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นตัดสินใจในการ ดำรงชีวิตหรือการตัดสินใจในการบริหารงานก็ตาม กระบวนการคิดเป็นจึงมีส่วนเกี่ยวข้องกับการตัดสิน ใจในแทบทุกวงการ โดยเฉพาะในวงการการศึกษานอกโรงเรียน ซึ่งมีแผนงานโครงการ และกิจกรรม การศึกษาสอดคล้องตามหลักการตอบสนองความต้องการของผู้เรียน และหลักการนำสิ่งที่เรียนไปใช้ให้ เกิดประโยชน์ได้ทันที ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษานอกโรงเรียน ไม่ว่าจะเป็นนักวางแผน ผู้บริหาร ผู้ปฏิบัติงาน ครูผู้สอนจะต้องนำกระบวนการคิดเป็นมาใช้ในการพิจารณาตัดสินใจว่าจะนำแผนงาน
กระบวนการคิดเป็น
แนวคิดเรื่อง คิดเป็น (Khit Pen)
“คิดเป็น”เป็นกระบวนการคิดที่เกิดขึ้นจากหลักการและแนวคิดของ ดร.โกวิท วรพิพัฒน์ ซึ่งเป็นนักการศึกษาไทยและอดีตอธิบดีกรมการศึกษานอกโรงเรียน และอดีตปลัดกระทรวงศึกษาธิการ “การจัดการศึกษาต้องการสอนคน
ให้คิดเป็น ทำเป็น แก้ปัญหาเป็น” การคิดเป็นของ ดร.โกวิท วรพิพัฒน์ เป็นกระบวนการคิด
และตัดสินใจแก้ปัญหาด้วยการใช้ข้อมูล 3
ด้าน ได้แก่ ข้อมูลตนเอง ข้อมูลสังคมและสิ่งแวดล้อม และข้อมูลวิชาการ มาประกอบการคิดและตัดสินใจ
แนวการสอนเพื่อพัฒนาการคิด
· แนวที่ 1 การสอนเพื่อพัฒนาการ คิดโดยตรงโดยใช้โปรแกรมสื่อสำเร็จรูป
หรือ บทเรียน/กิจกรรมสำเร็จรูปแนวการสอนเพื่อพัฒนาการคิด
สำหรับครูและโรงเรียนที่สนใจจะ พัฒนาความสามารถทางการคิดของนัก เรียนและสามารถที่จะจัดหาเวลาและ บุคคล รวมทั้งมีงบประมาณที่จะดำ เนินการได้ ได้มีผู้จัดทำโปรแกรมและ สื่อสำเร็จรูป รวมทั้งบทเรียน/กิจกรรมสำเร็จ รูปไว้บ้างแล้ว
· แนวที่ 2 การสอนเนื้อหาสาระต่าง ๆ โดยใช้รูปแบบหรือกระบวนการสอนที่ เน้น การพัฒนาการคิดที่ได้มีผู้ พัฒนาขึ้นการสอนเพื่อพัฒนาการคิดในลักษณะ นี้เป็นการสอนที่มุ่งสอนเนื้อหา สาระต่างๆ ตามวัตถุประสงค์ของหลักสูตร แต่ เพื่อให้การสอนนั้นเป็นการช่วย พัฒนาความสามารถทางการคิดของผู้ เรียนไปในตัว ครูสามารถนำรูปแบบการ สอนต่าง ๆ ที่เน้นกระบวนการคิดมาใช้ เป็นกระบวนการสอน ซึ่งจะช่วยให้ครู สามารถพัฒนาผู้เรียนได้ทั้งทางด้านเนื้อ หาสาระและการคิดไปพร้อม ๆ กัน
· แนวที่ 3 การสอนเนื้อหาสาระ ต่าง ๆ โดยพยายามส่งเสริมให้ผู้เรียนพัฒนา ลักษณะการคิดแบบต่าง ๆ รวมทั้งทักษะ การคิดทั้งทักษะย่อย และทักษะผสมผสาน ในกิจกรรมการเรียนการสอน
แนวทางทั้ง 3 นี้น่าจะเป็นแนวทาง ที่ครูสามารถทำได้มากที่สุด และสะดวก ที่สุด เนื่องจากครูสอนเนื้อหาสาระอยู่ แล้ว และมีกิจกรรมการสอนอยู่แล้ว เมื่อ ครูมีความเข้าใจเกี่ยวกับการคิด ตามกรอบความคิดที่ได้เสนอมาข้าง ต้น ครูจะสามารถนำความเข้าใจนั้นมา ใช้ในการปรับกิจกรรมการสอนที่มี อยู่แล้วให้มีลักษณะที่ให้โอกาสผู้ เรียนได้พัฒนา ทักษะการคิด ลักษณะการคิด และ กระบวนการคิดที่หลากหลาย
ที่มา : ความหมายของการคิด สืบค้นเมื่อ : 23 พฤศจิกายน 2555